ที่ทำงานถือเป็นสถานที่ที่ทุกคนมาทำงานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นพื้นที่ของพนักงานทุกคน ของคนทุกเพศอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อเอ่ยถึงการทำให้ที่ทำงานเป็นพื้นที่ของคนทุกเพศ (gender inclusive) หลายคนอาจมีคำถามเช่นนี้ แต่จริงๆ แล้ว การทำให้ที่ทำงาน องค์กร หรือกลุ่มสังคมใดเป็นพื้นที่ของความเท่าเทียมทางเพศ นั้นมีหลายมิติที่เราควรคำนึงถึง แต่เราอาจหลงลืมไป
การทำให้ที่ทำงานเป็นพื้นที่ของความเท่าเทียมทางเพศ ไม่ได้แค่หมายความว่าต้องมีการจ้างงานผู้หญิงเท่ากับผู้ชาย หรือมีกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในที่ทำงานเท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความแตกต่างหลากหลาย คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้หญิงและคนหลากหลายทางเพศ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้คนเหล่านี้ได้รับการยอมรับ รับฟัง มีสิทธิมีเสียง และสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง
แม้แต่องค์กรสหประชาชาติ (United Nations) เอง ก็เห็นความสำคัญของการทำให้ที่ทำงานเป็นที่ของคนทุกเพศ ในปี 2017 จึงได้ออก “Standards of conduct for business” หรือมาตรฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อจัดการกับการเลือกปฏิบัติต่อเลสเบี้ยน เกย์ ไบ คนข้ามเพศ และคนอินเตอร์เซ็กส์ โดยกำหนดมาตรฐานการดำเนินงานของธุรกิจออกมา 5 ข้อ ดังนี้
- เคารพสิทธิมนุษยชนของพนักงาน ลูกค้า และบุคคลทั่วไปที่เป็น LGBTI โดยอาจออกนโยบายและตรวจสอบว่าสถานที่ทำงานได้ดำเนินกิจการโดยเคารพหลักการสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และอาจรวมถึงการสื่อสารต่อสาธารณะว่าธุรกิจดำเนินการโดยเคารพหลักการสิทธิมนุษยชนอยู่เสมอ
- กำจัดการเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน LGBTI โดยรับรองว่าธุรกิจดำเนินการโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะในกระบวนการคัดเลือกคนเข้าทำงาน สภาพการทำงาน สวัสดิการ ความเคารพความเป็นส่วนตัว หรือการจัดการกับการล่วงละเมิดทางเพศ
- สนับสนุนพนักงาน LGBTI โดยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่พนักงาน LGBTI สามารถทำงานอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และปราศจากการถูกตีตรา
- ป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อลูกค้า ผู้ผลิต และผู้กระจายสินค้าที่เป็น LGBTI รวมถึงการยืนยันว่าคู่ค้าทางธุรกิจของตนจะปฏิบัติแบบเดียวกัน
- ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของ LGBTI ในชุมชนที่ทำธุรกิจด้วย
การเป็นพื้นที่ของคนทุกเพศ (gender inclusivity) คือการรับรองว่ากระบวนการของทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา วิถีปฏิบัติ นโยบาย และพื้นที่ใดๆ ในองค์กร จะต้องรองรับและสนับสนุนคนทุกเพศ เพราะสุดท้ายแล้วการทำให้ที่ทำงานเป็นพื้นที่ของคนทุกเพศอย่างแท้จริง และสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความสบายใจให้บุคลากร ย่อมทำให้บุคลากรในองค์กรมีสุขภาพจิตที่ดี ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น และอยู่กับองค์กรยาวนั้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
สำหรับบริษัทหรือองค์กรใดที่ใส่ใจในความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ Thailand Policy Lab ก็มี checklist มาให้ช่วยตรวจสอบตัวเอง ว่าได้ดำเนินการให้ที่ทำงานเป็นพื้นที่ของคนทุกเพศแล้วหรือยัง ถ้าหากว่ายัง ก็มาพยายามปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง และเช็คให้ครบทุกข้อกันเถอะ
- ใช้ภาษาที่เป็นกลางทางเพศ
ไม่ใช้ภาษาที่แบ่งแยกทางเพศ คำนึงถึงการใช้ภาษาที่ไม่กีดกันคนหลากหลายทางเพศ - ใช้สรรพนามตามอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคล
ถามสรรพนามทางเพศที่พนักงานแต่ละคนสบายใจที่จะใช้แทนตนเอง - ให้พนักงานแต่งกายตามอัตลักษณ์ทางเพศ
ไม่แบ่งแยกการแต่งกายเป็นระบบหญิง-ชาย ให้พนักงานสามารถเลือกแต่งกายตามตัวตนทางเพศของตน - มีห้องน้ำที่ไม่แบ่งแยกทางเพศ
มีห้องน้ำไม่แบ่งแยกทางเพศ (gender-neutral) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คนหลากหลายทางเพศ อาทิ คนนอนไบนารีที่ไม่ได้ยึดอัตลักษณ์ชายหรือหญิงตามขนบ หรือคนข้ามเพศ - ไม่กีดกันทางเพศในการรับสมัครงาน
ไม่กีดกันผู้คนออกไปจากที่ทำงานเพราะเพศ โอบรับคนหลากหลายทางเพศเข้ามาทำงาน สนับสนุนให้มีดุลยภาพทางเพศ (gender balance) - อบรมพนักงานเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ
มีการอบรมทำความเข้าใจให้พนักงานเคารพความหลากหลายทางเพศ - มีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนการล่วงละเมิดทางเพศ
มีพื้นที่และกระบวนการรองรับเพื่อให้ความช่วยเหลือและความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน - มีสวัสดิการที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ
มีสวัสดิการที่ตอบสนองความต้องการและประสบการณ์ของคนแต่ละเพศอย่างเหมาะสม